![]() |
หลักสูตรเเฝง |
หลักสูตรแฝง (Hidden Curriculum)
โรงเรียนโดยทั่วไปจะมีความสามารถและประสบความสำเร็จอย่างมากในการสอนให้นักเรียนอ่านออก
เขียนได้ คิดเลขเป็น และมีความรู้อย่างดียิ่งในสาขาวิชาต่างๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่โรงเรียนได้ตระหนักและพยายามอย่างมาก
แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จหรืออาจจะเรียกได้ว่าล้มเหลวมาตลอดก็คือ การสอนคุณธรรม
จริยธรรม และความเป็นพลเมืองดีให้แก่นักเรียน เด็กเหล่านี้ได้รับการปลูกฝัง
และอบรมสั่งสอนจากครูอย่างจริงจัง
แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยปฏิบัติตามสิ่งที่ครูสอนมากนักแม้จะมีนักเรียนบางคนประพฤติตนตามคำสอนของครูอย่างเคร่งครัด
แต่เมื่อเขาออกจากโรงเรียนไปแล้วก็เปลี่ยนพฤติกรรมและค่านิยมไปตามสังคมที่เรามองกันว่าไม่เหมาะสม
คนทั่วๆ ไปในสังคมทราบว่าเหตุใดการสอนให้คนทำความดี
และประพฤติดีจึงไม่ประสบความสำเร็จ
เขาทราบกันดีว่ามีผู้สอนและผู้อบรมไม่น้อยที่มีลักษณะพูดอย่างทำอย่าง หรือ
สอนอย่างหนึ่งแต่ตนเองทำอีกอย่างหนึ่ง
จึงมีคำพูดหรือคำเปรียบเทียบที่แสดงข้อเท็จจริงนี้ออกมา เช่น “แม่ปูสอนลูกปู”
“ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” และ
“จงทำตามที่ครูสอนแต่อย่างทำตามที่ครูทำ” เป็นต้น
ข้อความนี้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจของคนไทยที่มีต่อการสอนค่านิยมและจริยธรรมได้เป็นอย่างดี
เพราะโดยธรรมชาติมนุษย์เราจะเรียนรู้พฤติกรรม บุคลิกลักษณะ ค่านิยม
และจริยธรรมโดยการเรียนแบบ นักการศึกษาและนักสังคมศาสตร์ชาวตะวันตกได้ให้ความสนใจในการเรียนรู้ประเภทนี้
และเชื่อว่านักเรียนเรียนรู้ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม และพฤติกรรมต่างๆ
จากการกระทำของครูเอง
และจากสิ่งที่โรงเรียนจัดให้รวมทั้งสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน
มากกว่าการสอนสิ่งเหล่านี้ตามที่ได้กำหนดไว้ในตัวหลักสูตร
และได้บัญญัติคำเพื่อเรียกการเรียนรู้ที่แท้จริงที่ไม่ได้เกิดจากหลักสูตรปกติว่า
หลักสูตรแฝง (Hidden Curriculum)
1.
ความหมาย
หลักสูตรแฝง เป็นคำที่แปลมาจากภาษาอังกฤษว่า Hidden curriculum แต่มีนักพัฒนาหลักสูตรบางท่านพอใจที่จะใช้คำอื่นที่มีความหมายใกล้เคียงกัน
เช่น กู๊ดแลด (Goodlad,1094) ใช้คำว่า implicit
curriculum และเซย์เลอร์กับอเล็กซานเดอร์ (Saylor &
Alexander,1974) ใช้คำว่า unstudied curriculum ถึงแม้จะใช้คำที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่ต่างก็มีความหมายใกล้เคียง หรือถือได้ว่าเป็นความหมายที่มีนัยเดียวกัน
คือเป็นหลักสูตรที่แฝงซ่อนเร้น ไม่เปิดเผย และไม่ได้มุ่งศึกษาโดยตรง
เพราะถือว่าเป็นหลักสูตรที่ไม่เป็นทางการ (unofficial curriculum)
หลักสูตรแฝง
เป็นหลักสูตรที่ไม่ได้กำหนดแผนการเรียนรู้เอาไว้ล่วงหน้าและเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่โรงเรียนไม่ได้ตั้งใจจะจัดให้จากนิยามนี้สามารถอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจดีขึ้นโดยตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมดังนี้
ในทางเปิดเผยโรงเรียนสอนคณิตศาสตร์และจัดให้เด็กชายหญิงเรียนรู้ การอ่าน การเขียน
การสะกดคำและอื่นๆ แต่โรงเรียนและครูได้สอนหลายสิ่งหลายอย่างโดยไม่ตั้งใจจากการสอนตามหลักสูตรปกติในรูปของกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นมาและเรียนรู้จากสภาพการณ์และเงื่อนไขเชิงสังคมและเชิงกายภาพที่โรงเรียนจัดให้เป็นต้นว่าสอนนักเรียนให้ทำงานตามลำพังในเชิงของการแข่งขัน
หรือให้นักเรียนทำงานด้วยกันเป็นกลุ่มสอนให้นักเรียนเป็นผู้กระทำหรือเป็นถูกกระทำให้รู้จักพอใจเกี่ยวกับข้อเท็จจริงพื้นๆหรือให้เกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งและอื่นๆ
สรุปสั้นๆ และตรงประเด็นก็คือ ครูหรือโรงเรียนสอนค่านิยมให้แก่เด็กอย่างแอบแฝง
หรือโดยไม่ตั้งใจ
แม้จะไม่มีใครกล่าว และให้ความสนใจให้กับหลักสูตรแฝงมากนัก
แต่ต้องยอมรับว่าหลักสูตรแฝงมีอยู่ในทุกโรงเรียนสไนเดอร์(Snyder,1970)ได้ยืนยันความจริงข้อนี้ว่าไม่มีสถานศึกษาใดเลยไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอนุบาลโรงเรียนมัธยมศึกษาหรือมหาวิทยาลัยที่ไม่มีหลักสูตรแฝงปรากฏอยู่และเขาได้แสดงความเชื่อต่อไปว่าหลักสูตรแฝงมีอิทธิพลต่อการปรับตัวของนักเรียนและอาจารย์มากกว่าหลักสูตรปกติ
2. หลักสูตรแฝงกับพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัย
โดยทั่วไปโรงเรียนจะประสบความสำเร็จมากในการสอนให้เกิดการเรียนรู้ทางด้าน พุทธิพิสัย
และทักษะพิสัย ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีการสอนและการประเมินผลที่จัดให้เกิดความสอดคล้องกันได้ง่ายและกระทำได้ง่าย
แต่โรงเรียนจะมีปัญหาในการสอนนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ทางด้านจิตพิสัยซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิต อารมณ์และการกระทำที่สอดคล้องกัน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นเรื่องของการสอน เจตคติ ค่านิยม และความประพฤติที่พึงประสงค์ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้โดยการบรรยาย หรือการใช้คำพูดสั่งสอน เพราะโดยธรรมชาติและหลักข้อเท็จจริง เด็กจะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ใช้คำพูดสั่งสอน
เพราะโดยธรรมชาติและหลักข้อเท็จจริง
เด็กจะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากตัวอย่างและการกระทำของผู้ใหญ่และผู้อยู่ใกล้ชิดมากกว่า
ชิลเบอร์เมน (Silberman,1970:9) ได้ยืนยันความจริงในข้อนี้ว่า
สิ่งที่นักการศึกษาจะต้องตระหนักให้มากก็คือ วิธีการที่เขาสอนและการกระทำของพวกเขามีความสำคัญมากกว่าสิ่งที่เขาสอน นั่นก็คือว่าวิถีทางที่เรากระทำกับสิ่งต่างๆ
จะสร้างค่านิยมได้ตรงกว่าและมีประสิทธิผลมากกว่าที่เราได้สอนหรือพูดคุยกับเขาโดยตรงการปฏิบัติการในเชิงการบริหารที่มีลักษณะเฉพาะ ประเภทการเลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติการแบ่งกลุ่มนักเรียนตามความสามารถ การแบ่งแยกผิวพรรณและเชื้อชาติ
หรือการสอบแข่งขันเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาจะมีผลต่อหน้าที่พลเมืองมากกว่าการเรียนโดยตรงในหลักสูตรวิชาสังคมศึกษา เด็กๆ จะถูกสอนให้เรียนรู้เกี่ยวกับค่านิยมจริยธรรม ศีลธรรม บุคลิกภาพ
และความประพฤติทุกวันจากการจัดและดำเนินการของโรงเรียน เช่น วิถีทางที่ครูและพ่อแม่ประพฤติ วิถีทางที่พวกเขาพูดกับเด็กและระหว่างผู้ใหญ่ด้วยตนเอง ชนิดของพฤติกรรมที่พวกเขายอมรับและให้รางวัล
และชนิดของพฤติกรรมที่พวกเขาไม่ยอมรับ และมีการลงโทษ มากกว่าการเรียนรู้จากเนื้อหาที่บรรจุไว้ในหลักสูตรปกติ
โคลเบอร์ก (kopiberg, 1970:120) ซึ่งเป็นนักสังคมวิทยาการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด ผู้ซึ่งล่วงไปแล้ว
ได้มีความเชื่อและจุดยืนเดียวกันเกี่ยวกับความสำคัญและอิทธิพลของหลักสูตรแฝงในรูปแบบของการเรียนรู้ทางสังคม
(socialization) ของนักเรียน
เขามองว่าหลักสูตรแฝงมีลักษณะและธรรมชาติที่จำเป็นและเอื้อต่อการพาไปสู่ความเจริญงอกงามทางจริยธรรม เพราะในโรงเรียนประกอบไปด้วยฝูงคน การยกย่องและอำนาจ
แจ๊คสัน (jackson, 1968 : 36) ได้ศึกษาลักษณะที่สำคัญของห้องเรียนและได้ชี้ให้เห็นถึงธรรมชาติของการกระบวนการเรียนรู้ทางสังคมและความสำคัญของหลักสูตรแฝงว่า
ในขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียน
นักเรียนเรียนรู้ที่จะปรับตนเองให้สอดคล้องกับเจตจำนงของครู แล้วควบคุมการกระทำของตนเองให้เป็นที่ยอมรับ เขาเรียนรู้ที่จะยอมรับตามและปฏิบัติตามกฎ
ระเบียบ และกิจวัตรต่างๆ
ที่ได้กำหนดไว้เขาเรียนรู้ที่จะอดทนกับความไม่พอใจเล็กๆ น้อยๆ
และยอมรับนโยบายและแผนงานของผู้บริหาร
แม้ว่าจะขาดเหตุผลไปบ้างก็ตาม แจ๊คสัน
(Jackson, 1972 : 81 ) ถือว่า กฎ ระเบียบ และกิจวัตรประจำวัน เป็น 3 R’s (rules,regulaons,
and routines ) ของหลักสูตรแฝง
เพราะเป็นสิ่งที่นักเรียนต้องเรียนรู้และปฏิบัติตาม
มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมนั้นได้
สรุป
หลักสูตรแฝง
หมายถึง
เป็นหลักสูตรที่ไม่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า หรือคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นกับผู้เรียน
เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือหลักสูตร แต่สามารถถ่ายทอดให้ผู้เรียนได้
ซึ่งหลักสูตรแฝงจะไม่ได้เกิดขึ้นในเฉพาะในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียนเท่านั้นแต่เกิดจากระบบโรงเรียน
สถาบัน ครอบครัว และสังคมที่ผู้เรียนอาศัยอยู่
ตัวอย่างหลักสูตรแฝง
· กิจกรรมลูกเสือเนตรนารี
จุดประสงค์หลัก
- ฝึกระเบียบวินัย สร้างความอดทน สร้างความสามัคคี
จุดประสงค์แฝง
- ฝึกการปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้า โดยไม่มีการโต้แย้ง
· พละศึกษา
จุดประสงค์หลัก
- ฝึกความอดทนของร่างกายให้แข็งแรง ให้รู้แพ้ ชนะ อภัย
รู้จักกฎติกาชองกีฬาประเภทต่างๆ
จุดประสงค์แฝง
- ต้องการให้อยู่ในกฎระเบียบ คือ การทำกฎของกีฬานั้นๆ โดยไม่แย้ง เช่น
ฟุตซอลหากทำผิดกติกาจะได้รับใบเหลือง
ใบแดง เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น